วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2561

CAT⬅🐈

    บล็อคของเราเป็นบล็อคที่นำเสนอสายพันธุ์แมว😻ที่น่ารักน่าเลี้ยงและน่าสนใจมากที่สุด10อันดับถ้าทุกคนสนใจหรือรักในแมวก็อย่าลืมติดตามบล็อคเรากันนะคะแล้วคนที่ไม่ชอบหรืออาจจะเฉยๆกับแมวลองติดตามกันดูนะแล้วเพื่อนๆจะหลงรักแมวมากขึ้นค่ะ😽



                    

แมวมาจากไหนกันนะ

   🐈 ต้นกำเนิดแมวในประเทศไทย🐈
    ในประเทศไทยก็เริ่มมีการเลี้ยงแมวมา ตั้งแต่สมัยสุโขทัย เลี้ยงไว้เพื่อใช้จับหนูเหมือนกับชาวอียิปต์นั่นแหละ จนมีตำราแมวให้คุณ-ให้โทษแมวไทยคู่แรกที่ออกจากประเทศไทย ไปสู่สายตาชาวโลก ถูกนำออกไปโดย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) ทรงประราชทานให้กับ Mr. Owen Gould กงศุลอังกฤษประจำกรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ. 2427 ซึ่งได้นำแมวคู่นี้ไปให้น้องสาวที่อังกฤษ แมวไทยคู่นี้เป็นแมววิเชียรมาศแต้มสีครั่ง และในปี พ.ศ. 2428 แมวไทยคู่นี้ถูกส่งเข้าประกวดในงานแมวที่ The Crystal Palace ณ ประเทศอังกฤษ ผลการประกวด ปรากฏว่า แมวไทยคู่นี้ชนะเลิศในการประกวด จากการประกวดครั้งนี้ทำให้ชาวอังกฤษนิยมเลี้ยงแมวไทยมากขึ้น และได้จัดตั้ง The Siamese Cat Clubs ขึ้นในปี 2443 และ The Siamese Cat Society of the British Empire ขึ้นในปี พ.ศ. 2471

แมวในสมัยร.5


หลังจากที่แมวไทยคู่นี้ได้ทำเชื่อเสียง ในอังกฤษ ร.5 ทรงเห็นว่า แมวไทยเป็นสัญลักษณ์ ที่สามารถทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักของประเทศทั่วโลก จึงได้พระราชทานแมวไทย ให้กับประเทศเพื่อนบ้าน หลายประเทศ และจากสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำนั้น ทำให้แมวไทย และประเทศไทยมีชื่อเสียงไปทั่วโลกเลยทีเดียว 🙀


     แมวในโลกนี้มีมากมายหลายพันธุ์ โดยเฉพาะแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยงไม่นับรวมสัตว์ตระกูลแมว พวกเสือ แมวดาว แมวป่า หรือ สิงห์โต แมวเลี้ยง หรือที่เราเรียกว่า Domestic cat นั้นมีวิวัฒนการมาจากแมวป่าในธรรมชาติจากหลายภูมิภาคของโลก ชื่อเรียกพันธุ์แมวที่แตกต่างกันที่เรียกกันทุกวันนี้ เช่น เปอร์เซีย แมวสยาม บาลิเนส อะบิสสิเนียน และโซมาลี นั้น แสดงถึงถิ่นกำเนิดที่แสดงถึงภูมิศาสตร์ที่เขาถือกำเนิดมา ในการจัดนิทรรศการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศอังกฤษเมื่อปีคริสศักราช 1871 ถือเป็นการเริ่มต้นในการนำเสนอพันธุ์แมวในระดับนานาชาติ ทำให้ผู้สนใจในแมวมีความตื่นตัว แต่การแสดงในครั้งนั้นส่วนใหญ่เป็นแมวเปอร์เซียและแมวขนสั้นเป็นหลัก

CAT


จาก https://www.sanook.com/travel/1395893/
"เมี๊ยว" เป็นเสียงคำรามที่กึกก้องทรงพลัง เพราะนาทีนั้นคุณจะละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วหันมายิ้มให้แมว..

วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2561

CAT



แมวมาจากไหนกันนะ

ก่อนที่ทุกคนจะไปรู้จักกับสายพันธ์ุแมวกันนะคะอยากให้ทุกคนได้รู้ว่า....

       แมวมีชื่อเรียกทั่วไปในภาษาลาตินว่า "เฟลิส คาตัส" (Felis Catus) เป็นสัตว์เก่าแก่ดึกดำบรรพ์ แมวมีอยู่ในทุกทวีป รูปร่างลักษณะและโครงสร้างคล้ายคลึงกัน แต่ขนาดอาจผิดกันและความยาวของขนต่างกัน แมวเมืองหนาวมีขนยาวกว่าแมวในเมืองร้อน แมวที่นิยมเลี้ยงกันมีหลายพันธุ์ เช่นพันธุ์เปอร์เซีย และพันธุ์ไทยเป็นต้นชาวตะวันตกเชื่อว่าแมวนั้นเดิมเป็นสัตว์ในแอฟริกา ชาวอียิปต์นำมาเลี้ยงไว้ในบ้าน แมวจึงอยู่กับคนเรื่อยมา จนในที่สุด เผ่าพันธุ์ของแมวก็กระจายไปทุกหนทุกแห่งทั่วโลก แมวพันธุ์แรกคือ อบิสซีเนียขายาว หน้าแหลมยาว ต่อมาจึงมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างลักษณะออกไปต่างๆ นานาตามหลักทางชีววิทยา แต่แมวที่ยังคงลักษณะรูปเดิม คือมีรูปร่างเพรียว หน้าแหลม ตาคม


สัญนิฐานว่าเหลือเพียงสามพันธุ์ในโลก คือ แมวอบิสซิเนียน แมวอียิปต์ และแมวไทยแมวทั้งสามพันธุ์นี้หน้าตาไม่แตกต่างกันมากนัก สองชนิดแรกสัญนิฐานว่าอาจสูญพันธุ์ไปแล้ว คงเหลือแต่"แมวไทย"ที่นับเป็นพันธุ์เก่าแก่ที่สุดในโลกอยู่พันธุ์เดียว บรรพบุรุษของแมวไทยน่าจะเป็นแมวอียิป์ เพราะมีรูปร่างหน้าตาที่คล้ายกันมาก โดยที่ทางอียิปต์เรียกแมวว่า "เมียว" มีข้อสันนิษฐานการมาของแมวมายังแถบตะวันออกว่าว่า ในการเดินเรือการค้าสมัยโบราณจากอียิปต์มายังแถบตะวันออก อาจจะมีกะลาสีเอาแมวใส่ไว้ในเรือเพื่อจับหนู แมวอียิปต์จึงมาเผยแพร่ถึงทางตะวันออกก็เป็นได้ แต่ยังไม่มีหลักฐานใดที่สามารถยืนยันในสมมติฐานข้อนี้ได้

อันดับ 1 สก็อตทิช โฟลด์ (Scottish Fold)

                                                 สก็อตทิช โฟลด์ (Scottish Fold)



 
            แมวพันธุ์ Scottish Fold ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ.1961 ในสก๊อตแลนด์ มันมีชื่อว่า Susie มีลักษณะเป็นแมวสีขาวที่มีหูพับไปมาทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้ ใบหน้ามีลักษณะคล้าย นกฮูก หรือหน้าของตัวนาก ผู้ที่สังเกตเห็นคนแรกคือ William Ross มีอาชีพเป็นคนเลี้ยงแกะ William และภรรยาเป็นคนที่รักแมวมาก และทั้งคู่สนใจ Susie มาก เมื่อ Susie ออกลูกเป็นลูกแมวหูพับ 2 ตัว ครอบครัวของเขาจึงขอลูกแมวตัวเมียตัวหนึ่งมาเลี้ยง และได้ตั้งชื่อว่า Snooks ลูกของ Snooks เป็นสายพันธุ์ที่มาจาก British Shorthair และนี่ก็เป็นต้นกำเนิดของสายพันธุ์ Scottish Fold ในเวลานี้ สายพันธุ์นี้ได้รับการจดทะเบียนจาก The Governing Council of the Cat Fancy ของประเทศอังกฤษ





ทั้งนี้ ในช่วงปี ค.ศ. 1960 Pat Turner นักพันธุศาสตร์ และ cat breeder เป็นผู้หนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์นี้ ในช่วง 3 ปี มีลูกแมวเกิด 76 ตัว 42 ตัวเป็น พวกหูพับ อีก 34 ตัว เป็นพวกหูตั้ง เธอได้ร่วมกับ Peter Dyte นักพันธุศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้ลงความเห็นว่า ลักษณะหูพับกลายเป็นลักษณะเด่น นั่นหมายถึงถ้าลูกแมวได้รับการถ่ายทอดยีนจากพวกที่มีหูตั้ง และพวกที่มีหูพับ ลูกแมวตัวนั้นจะมีลักษณะหูพับ

🐈




แมวพันธุ์ Scottish Fold มี 2 แบบ คือ แบบ Shorthair และ Longhair พวก Longhaired Scottish Fold มีขนยาวขนาดกลาง ในตัวผู้มีขนหางเป็นพวงใหญ่ที่สวยงาม สีของสายพันธุ์นี้ สามารถพบได้หลายสี โดยเฉพาะสีน้ำตาล และสีขาว เป็นสีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด



 ลักษณะนิสัย แมวพันธุ์ Scottish Fold   แมวพันธุ์ Scottish Fold เป็นแมวที่ไม่ค่อยส่งเสียง มักจะชอบที่จะคอยดูแลควบคุมในสิ่งที่เจ้าของกำลังทำอยู่ เป็นแมวที่ชอบทำกิจกรรมในระดับปานกลาง พวกมันชอบที่จะเล่นโดยเฉพาะถ้ามีเจ้าของของมันร่วมเล่นด้วย Folds บางตัวอาจที่จะไม่ชอบนอนบนตัก แต่พวกมันชอบที่จะอยู่ใกล้ ๆ กับเจ้าของ

อันดับ 2 The Sandcat

                                                   The Sandcat

           

          แมวทรายเป็นที่มีขนาดเล็กที่สุดชนิดหนึ่งของโลก ตัวผู้ตัวเต็มวัยมีน้ำหนักเพียง 2.1-3.4 กิโลกรัม ส่วนตัวเมียหนัก 1.4-3.1 กิโลกรัม   ลำตัวสีน้ำตาลซีดจนถึงเทาอ่อน ขนแน่น หนานุ่ม บริเวณหลังเข้มขึ้นเล็กน้อย หน้าท้องซีดจาง มีลายริ้วจาง ๆ ตามลำตัวและขา มีเส้นสีน้ำตาลแดงพาดที่แก้มตั้งแต่หางตา ครึ่งล่างของหน้าและหน้าอกสีขาวหรือเหลืองอ่อน ใบหูใหญ่เป็นรูปสามเหลี่ยมปลายเรียว สีน้ำตาลอมแดง ปลายหูสีดำ ใบหูอยู่ห่างกันและค่อนมาทางข้างหัว ปลายหางมีปล้องบาง ๆ หลายปล้อง ปลายหางสีดำ ใบหน้ากว้าง ดวงตาใหญ่ อุ้งตีนมีขนยาวหนาแน่นปกคลุม



      แมวทรายเป็นแมวที่เกิดมาเพื่ออยู่ในทะเลทรายอย่างแท้จริง ขนที่คลุมอุ้งตีนช่วยป้องกันความร้อนจากพื้นดินและช่วยเก็บเสียงขณะเดินบนพื้นผิวที่หยาบร่วน เมื่อเดินบนทรายจะแทบไม่ปรากฏรอยตีนเลย ประสาทหูไวมาก เหมาะสำหรับการหาเหยื่อในพื้นที่ที่เหยื่อหายาก คาดว่าแมวทรายได้ยินเสียงอัลตราโซนิกจากเหยื่อที่อยู่ใต้ดินได้เช่นเดียวกับเซอร์วัล


อุปนิสัย แมวทรายปีนป่ายและกระโดดไม่เก่ง แต่เป็นยอดนักขุด ทักษะการขุดมีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำรงชีพในสถานที่ของแมวชนิดนี้  เพราะต้องใช้ในการขุดโพรงเพื่อพักผ่อนและหาเหยื่อ อุ้งเล็บไม่คมมากนัก ซึ่งอาจเป็นเพราะการอาศัยในทะเลทรายจึงไม่มีโอกาสได้ฝนเล็บบ่อยนัก เวลาเดินบนพื้นที่โล่ง จะเดินย่องต่ำ ๆ หูที่ใหญ่ช่วยในการค้นหาเสียงจากความเคลื่อนไหวอันแผ่วเบาได้เป็นอย่างดี เหยื่อของแมวทรายได้แก่ เจอร์บิล เจอร์บัว โวล กระต่ายป่า นก สัตว์เลื้อยคลาน และแมลง ศัตรูตามธรรมชาติได้แก่งูพิษ หมาจิ้งจอก และนกเค้าแมวขนาดใหญ่

     


 แมวทรายหากินเวลากลางคืน ส่วนเวลากลางวันมักใช้เวลาส่วนใหญ่ในโพรงตื้น ๆ ที่ขุดไว้ตามเนินทราย 

อันดับ 3 Ashera

                                                             Ashera
     


        แมวอาชีร่าเป็นแมวสายพันธุ์ใหม่ที่ถูกคิดค้นและผสมพันธุ์ขึ้นโดยบริษัท แคลิฟอร์เนีย ไบโอเทค ซึ่งได้นำเอาแมวป่าแอฟริกัน (African Surval) กับแมวเสือดาวเอเชีย (Asian Leopard Cat) และแมวบ้าน มาผสมพันธุ์กันจนได้แมวที่มีหน้าตาดุดันคล้ายเสือดาวแต่ตัวเล็กกว่า แต่กระนั้นก็สูงกว่าแมวบ้านทั่วไปและหนักมากถึง 13.6 กิโลกรัม ถ้ามันยืนสองขาจะมีความสูงถึง 120 เซนติเมตร มีอายุยืนราว 25 ปี 



         คนชอบเลี้ยงแมวอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวของแมวสายพันธุ์ 'อาชีร่า' (Ashera Cat) กันมาบ้าง สำหรับเจ้าแมวที่มีหน้าตาคล้ายเสือดาว รูปร่างปราดเปรียวตัวสูง ที่ว่ากันว่ามีราคาแพงที่สุดในโลก เพราะสนนราคาของมันเริ่มต้นอยู่ที่ 22,000 ดอลลาร์ หรือราว 770,000 บาท ส่วนแมว Ashera ตัวที่ป้องกันการแพ้ขนแมวได้นั้นเริ่มต้นที่ราคา 28,000 ดอลลาร์ หรือ 980,000 บาทค่ะ 

อันดับ 4 เปอร์เซีย (Persian)

                                           เปอร์เซีย (Persian)

เปอร์เซีย (Persian)

     แมวที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเปอร์เซีย หรืออิหร่าน เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างแมวเตอร์กิส แองโกร่า กับแมวสายพันธุ์อื่นโดยชาวอังกฤษ และได้มีการพัฒนาจนได้แมวที่มีขนหนาและยาวกว่าเดิม สำหรับแมวเปอร์เซียที่มีลักษณะตรงตามมาตรฐานสายพันธุ์ ควรจะมีจมูกอยู่ในระดับเดียวกับตา โครงสร้างลำตัวสั้น ขาสั้นเตี้ย หูเล็กมีปลายหูที่กลมมน และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน หางสั้นและตรง ไม่มีรอยหัก ขนยาวฟู มีท่วงท่าการเดินดูสง่างาม  

แมวเปอร์เซียในสมัยแรกๆ มีรูปร่างหน้าตาที่ต่างจากแมวเปอร์เซียในปัจจุบันมากทีเดียว ปัจจุบันมันถูกพัฒนาให้มีรูปร่างที่สั้นขึ้น ขนยาวขึ้น ถูกเปลี่ยนแปลงโครงร่างให้ใหญ่และกลม จมูกสั้นและหักมากขึ้น แมวเปอร์เซีย ถูกนำไปเลี้ยง ในประเทศต่าง ๆ ทั้งใน ยุโรปและอเมริกาเป็นเวลาเกือบร้อยปีมาแล้ว สำหรับประเทศไทยจัดเป็นแมวต่างประเทศ พันธุ์แรกที่ถูกนำมาเผยแพร่ เนื่องจากเป็นแมวที่มีอุปนิสัยอ่อนโยน สุขุมเข้ากับคนง่าย มี ความร่าเริงซุกซน ชอบประจบประแจงและมีไหวพริบ

อันดับ 5 ทอยเกอร์ (Toyger)

ทอยเกอร์ (Toyger)


       แมวสายพันธุ์ทอยเกอร์ (Toyger)ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์โดย Judy Sudgen เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนหันมาอนุรักษ์เสือป่ากันมากยิ่งขึ้น เกิดจากการผสมกันระหว่างพันธุ์ Domestic shorthair กับพันธุ์ Bengal





ลักษณะ เป็นแมวขนาดกลาง ลายบนตัวมันเป็นแนวตั้งล้อมรอบตัวเป็นลายที่มีไม่สม่ำเสมอ มีรอยที่คอ ขาและหาง ที่สำคัญคืออุ้งเท้าและปลายหางจะต้องเป็นสีดำ
อุปนิสัย เป็นแมวที่เป็นมิตร ขี้เล่น ไม่ได้ดุร้ายเหมือนหน้าตาของมันนะคะ และถือว่าเป็นมากที่ฉลาดสายพันธุ์นึงเลยทีเดียว ถ้าคุณรู้จักฝึกมันจะสามารถทำตามได้
การดูแล แมวพันธุ์นี้ดูแลได้ง่ายมาก เพราะด้วยความที่มันมีขนสั้น แมวพันธุ์นี้ควรแปรงฟันและตัดแต่งเล็บให้มันด้วยนะคะ ปัญหาด้านสุขภาพของเจ้า Toyger ค่อนข้างน้อย


อันดับ 6 แร็กดอลล์ (Ragdoll )

แร็กดอลล์ (Ragdoll )



      แมวพันธุ์แร๊กดอลล์ Ragdoll เป็นแมวขนาดใหญ่ มีขนยาวสวยงาม ดวงตาใหญ่ มีสีฟ้า สีของขนเป็นสีอ่อน หรืออาจมีแต้มสีบนใบหน้า ขา หู และหาง แมว Ragdoll ถูกพัฒนาโดย Ann Baker นักผสมพันธุ์ชาว แคลิฟอร์เนีย ในปี ค.ศ.1960 โดย แมว Ragdoll ตัวแรกมีชื่อว่า Josephine เป็นแมวที่น่ารัก สุภาพ และมีแต้มสีแบบแมววิเชียรมาศ   ทั้งนี้ Josephine แมว Ragdoll ตัวแรก เป็นลูกผสมระหว่าง แมวเปอร์เซีย (Persian Cats) และแมวพันธุ์แองโกร่า (Angora Cats) ซึ่งต่อมาได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ แมวแร๊กดอลล์ เรื่อยมา จนกลายเป็น แมว Ragdoll อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน





ลักษณะนิสัย แมว Ragdoll

แมว Ragdoll เป็นแมวที่มีนิสัยขี้อ้อนและติดคนมาก มันมักจะมาต้อนรับคุณถึงที่หน้าประตูบ้านเมื่อคุณกลับมาถึง และติดตามคุณไปทุกแห่ง แมว Ragdoll เป็นแมวเรียบร้อย สุภาพ จงรักภักดี และชอบความเงียบมาก มันสามารถนอนร่วมกับคนได้ อีกทั้ง แมว Ragdoll เป็นแมวที่เข้ากับเด็ก ๆ ได้ดีและยังเข้ากับสัตว์อื่น เช่น สุนัขได้ดีอีกด้วย

จุดเด่นอีกเรื่องของ แมว Rag doll เนื่องจากมันเป็นแมวที่มีเสียงร้องนุ่มนวลและเบามาก และแมว Ragdoll ยังมีนิสัยประหลาดคือ เมื่อเวลาที่คนอุ้ม มันจะทิ้งตัวโตงเตงราวกับตุ๊กตาเศษผ้าราวกับไม่มีชีวิต ดูคล้ายอาการเมายา

อันดับ 7 เทอร์คิชแองโกรา (Turkish Angora)

                                    เทอร์คิชแองโกรา (Turkish Angora)

 แมวเทอร์คิช แองโกร่า เป็นแมวพื้นเมืองของแองโกร่า ประเทศตุรกี แต่เดิมนั้นแมวเทอร์คิช แองโกร่า ถูกเหมารวมว่าเป็นแมวเปอร์เซียเพราะมีลักษณะขนยาวคล้ายกัน แต่เมื่อปีค.ศ. 1962 มีชายผู้ช่วยอเมริกาได้เข้าไปทำงานในสวนสัตว์ในแองโกร่า แล้วไปพบกับเจ้าแมวพันธุ์นี้เข้าจึงสังเกตเห็นความแตกต่างจากแมวเปอร์เซียหลายประการจึงนำเข้าไปเลี้ยงและพัฒนาสายพันธุ์ในอังกฤษ โดยใช้เวลาทั้งสิ้นกว่า 45 ปี แมวเทอร์คิช แองโกร่า ถูกพัฒนาสายพันธุ์จนกระทั่งเป็นที่ยอมรับให้เป็นแมวสายพันธุ์เทอร์คิช แองโกร่า จาก CFA ในที่สุด






ลักษณะของแมวเทอร์คิช แองโกร่า

แมวเทอร์คิช แองโกร่าจะมีลำตัวยาว ขนเหมือนเส้นไหม ยาวและหนาเหมือนขนแกะ หางเล็ก คอสั้น หูตั้ง ลูกนัยน์ตากลมรี ขายาวกว่าเปอร์เซีย อุ้งเท้าเล็กค่อนข้างกลมมน สะโพกใหญ่ เมื่อเคลื่อนไหวหางจะกระเพื่อม ตรงแผงคอจะมีขนยาว หน้าท้องมีขนดก ที่นิ้วเท้าและปลายหูมีขนเป็นกระจุก ขนสีขาว นัยน์ตาสีน้ำเงินหรืออำพัน อุ้งฝ่าเท้า ริมฝีปาก และจมูกสีชมพู


การเลี้ยงดูแมวเทอร์คิช แองโกร่า
แมวเทอร์คิช แองโกร่า มีขนยาวและหนา เจ้าของแมวจะต้องหมั่นดูแลในเรื่องของการแปรงขน ควรหมั่นแปลงขนบ่อยๆ การให้ดื่มน้ำ ควรให้เป็นขวดน้ำหยด เพราะแมวเทอร์คิช แองโกร่า มีขนที่แผงคอเวลากินน้ำจะได้ไม่เปียกขนที่แผงคอจะได้ไม่พันกันเป็นก้อนๆ

อันดับ 8 มาเลศ (แมวโคราช)

มาเลศ (แมวโคราช) พันธ์ุไทยนั้นเอง



แมวมาเลศ (แมวโคราช) เป็นแมวสีสวาดที่ชาวโคราชเชื่อว่าเป็นแมวนำโชค และแมวพันธุ์นี้นอกจากชาวไทยที่ชื่นชอบแล้ว ยังมีชาวต่างประเทศที่ต่างพากันหามาเลี้ยง ด้วยความแปลก และสวยสง่า โดยลักษณะเด่นที่สังเกตได้ก็คือ มีขนสั้น สีสวาดทั่วตัวตั้งแต่เกิดจนตาย ทรงหน้าเป็นรูปหัวใจเด่นชัด หูตั้งปลายมน จมูกและริมฝีปากมีสีม่วงอ่อน หรือน้ำเงิน และมีนัยน์ตาที่เปลี่ยนไปตามอายุ คือ ตอนเด็กมีตาสีฟ้า พอโตขึ้นจะออกสีเหลืองสด และจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียวใบไม้ หรือเหลืองอำพัน

อันดับ 9 อเมริกันชอร์ตแฮร์ หรือ อเมริกันขนสั้น (American Short Hair)

                         อเมริกันชอร์ตแฮร์ หรือ อเมริกันขนสั้น (American Short Hair)



เป็นแมวที่มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ โครงสร้างลำตัวใหญ่โต มีกล้ามเนื้อแข็งแรงเห็นชัดเจน อกใหญ่ ขาใหญ่ ยาวขนาดปานกลาง ใบหูขนาดกลางและขอบเป็นทรงกลมมน หัวรูปไข่แต่มีคางที่ค่อนข้างใหญ่ชัดเจน ดวงตาแมวพันธุ์นี้กลมโต ขอบตาด้านนอกด้านบนจะโค้งลงมา สีของตาเป็นสีเขียว ตามประวัติแมวพันธุ์นี้เป็นแมวที่ถูกนำมาจากยุโรปไปสู่แผ่นดินอเมริกาเหนือ เมื่อครั้งมีการโยกย้ายถิ่นฐานของคนยุโรปไปแสวงหาถิ่นที่อยู่ใหม่ 


แมวถูกนำลงเรือไปเพราะต้องการใช้ประโยชน์จากมัน โดยให้มันล่าหนูไม่ให้ทำลายข้าวของ ซึ่งที่นำไปด้วยนั้นมีหลายตัว และได้ผสมพันธุ์กันจนได้ลูกที่มีลักษณะเฉพาะออกมาให้เห็นเช่นปัจจุบัน

อันดับ 10 แมงซ์ (Manx)

                                                                    แมงซ์ (Manx)

     แมวแมงซ์เป็นแมวที่ไม่มีหางและแตกต่างจากแมวเกือบทุกชนิดตรงที่มันไม่มีหางและรูปร่างโดยรวมของมันก็ค่อนข้างแตกต่างออกไปเพราะพวกมันมีขาหลังยาวกว่าแมวปกติ แมวสายพันธุ์นี้วิ่งเหมือนกับกระต่าย ซึ่งดูๆแล้วก็น่าตื่นตาตื่นใจทีเดียว


เหตุผลที่แมวสายพันธุ์นี้ไม่มีหางนั้นก็เนื่องมาจากยีนเด่นที่เกิดการกลายพันธุ์เมื่อนานมาแล้วซึ่งเป็นผลมาจากการที่พวกมันอาศัยอยู่แค่บนเกาะไอล์ออฟแมน (Isle of Man) ซึ่งทำให้มันเกิดการผสมพันธ์ในสายพันธุ์เดียวกันอย่างต่อเนื่อง ยีนที่เกิดการกลายพันธุ์นั้นส่งผลให้เกิดกระดูกสันหลังที่ผิดรูปผิดร่าง ซึ่งส่งผลไปถึงแมวรุ่นอื่นๆด้วย ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ แมวเหล่านั้นก็เลยสูญเสียหางไป แต่ที่เกาะไอล์ออฟแมนนั้น ผู้คนต่างมองว่าพวกมันเป็นแมวที่แสนวิเศษ แต่ก็มีความอยากรู้อยากเห็นระดับทีมชาติเลยทีเดียว ทั้งนี้ทั้งนั้นคนที่อาศัยอยู่บนเกาะนั้นก็ไม่ได้ถือสาอะไรเพราะพวกมันก็เป็นแมวพิเศษที่มีความเป็นเอกลักษณ์จริงๆ เจ้าแมวอารมณ์ดีเหล่านี้ถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มย่อย ตาม “ปริมาณหาง” ที่มันมี ได้แก่ “รัมปี้ (Rumpy)” “รัมปี้ ไรเซอร์ (Rumpy-riser)” “สตัมปี้ (Stumpies)” และ “ลองจี้ (Longy)” เจ้ารัมปี้นั้น ก็คือแมวแมงซ์ที่ไม่มีหางเลย ในขณะที่เจ้ารัมปี้ไรเซอร์นั้นมีหางกระจุกเหมือนลูกบิดประตู เจ้าสตัมปี้มีหางเหมือนตอไม้ ส่วนเจ้าลองจี้นั้นมีหางที่ดูคล้ายกับแมวปกติทั่วไป


 แมวสายพันธุ์นี้มีร่างกายกำยำ แข็งแกร่ง มีขนสองชั้นหลายสีที่เงางาม และยังมีขนนุ่มซ้อนอยู่ข้างใต้อีกชั้นหนึ่ง แมวแมงซ์นั้นเป็นแมวที่เป็นมิตรและกระตือรือร้น เหมาะแก่การเลี้ยงไว้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง หากดูแลพวกมันได้อย่างถูกต้องแล้วล่ะก็ เหมียวแมงซ์ก็พร้อมจะมอบความรักกลับคืนให้เจ้าของของพวกมันหลายเท่าเลยทีเดียว 

ทำไมถึงมีแมวกวักกันนะ

ในแถบเอเชียอย่างญี่ปุ่นกับจีน เริ่มเลี้ยงแมวกันมากขึ้นจากเดิมที่เคยเลี้ยงอยู่แล้ว และที่ญี่ปุ่นก็ยังใช้แมวเป็นสัญลักษณ์นำโชคอีกด้วย จะเห็นได้จาก "แมวกวัก" ที่ใช้กันตามร้านค้า จะใช้กวักลูกค้า หรือกวักเงินก็แล้วแต่ท่าทางของแมวตัวนั้น และที่จีนก็เชื่อว่า แมวเป็นสัตว์นำโชค เพราะว่าแมวจะเข้ามาอยู่ในบ้าน ก็ต่อเมื่อมันพอใจที่จะอยู่เท่านั้น เมื่อมันเข้ามาอยู่แล้วเจ้าของบ้าน มักจะมีโชคลาภมา



CAT⬅🐈     บล็อคของเราเป็นบล็อคที่นำเสนอสายพันธุ์แมว😻ที่น่ารักน่าเลี้ยงและน่าสนใจมากที่สุด10อันดับถ้าทุกคนสนใจหรือรักในแมวก็อย่าลืมติดตา...